loading...

มีการรายงานจากเว็บไซต์เดลี่เมล ว่ามีการทดลองของนักวิจัยที่ศึกษาว่าหากมีการโยนซากศพลงในทะเลลึกจะเกิดอะไรขึ้น จึงมีการโยนซากหมูลงในทะเลลึก ซึ่งเป็นการทดลองที่ใช้หมูแทนร่างกายมนุษย์ ซึ่งเปรียบเทียบกันในเชิง ขนาด น้ำหนัก ผิวหนัง และแบคทีเรียที่อยู่ภายใน โดยได้นำลงไปไว้ที่ใต้ทะเลลึก 300 เมตร มีปริมาณออกซิเจนสูง ที่บริเวณช่องแคบของรัฐจอร์เจีย ในสหรัฐฯ จากนั้นก็ตั้งกล้องเพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น รวมทั้งเก็บรายละเอียดของปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการทดลองไม่ว่าจะเป็นปริมาณออกซิเจน อุณหภูมิ ความเค็ม และอื่น ๆ
loading...
การทดลองนี้ทำทั้งหมด 2 ครั้ง ใน 2 ช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ได้แก่ ในฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง โดยใช้ซากหมูทั้งหมด 4 ซาก แบ่งเป็นฤดูละ 2 ซาก ตัวหนึ่งใส่กรงส่วนอีกตัวไม่ใส่จากการทดลองพบว่า ซากหมูทั้ง 4 ตัว ในทั้ง2ฤดูถูก แอมฟิพอด (amphipods) แพลงก์ตอนใต้ทะเลที่มีลักษณะคล้ายกุ้งตัวจิ๋วเข้ามาย่อยสลายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งหากเปรียบเทียบกันแล้ว ในฤดูใบไม้ผลิใช้เวลาทั้งหมด 4 วัน ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงใช้เวลาเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น อีกทั้งยังพบว่า หากปริมาณออกซิเจนในน้ำมีมาก การย่อยสลายก็อาจจะเร็วกว่า 4 วัน
นอกจากนี้ผลการทดลองในฤดูใบไม้ผลิพบว่า ซากหมูที่ไม่ได้ใส่กรง กลายเป็นอาหารของฉลาม แต่หลังจากพวกมันกัดเข้าไปเพียงเล็กน้อย มันก็หมดความสนใจไป และหลังจากผ่านไป 1 วัน ฉลามก็ไม่เข้าใกล้ซากหมูอีกเลย แต่จะคอยว่ายน้ำวนอยู่ด้านบนซาก และเมื่อผ่านไป 2 วัน แอมฟิพอดก็เริ่มเข้ามารุมซากหมูเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็ค่อย ๆกัดกินเนื้อเยื่อจากภายใน ก่อนจะออกมายังผิวหนังชั้นนอก จนเหลือแต่โครงกระดูกในที่สุด ส่วนกระดูกอ่อนจากซากที่เหลือ กุ้งทะเลก็จะมากัดกินไปในวันที่ 10
ในส่วนของโครงกระดูกต้องรอให้เวลาผ่านไปนานถึง 166 และ 134 วัน สำหรับฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง จึงจะไม่มีสัตว์ใดเข้ามายุ่งกับโครงกระดูกอีก ทีมนักวิจัยจึงจะสามารถลงไปเก็บโครงกระดูกคืนขึ้นมาได้ ซึ่งข้อมูลที่ได้นี้สามารถช่วยในการคำนวณเวลาการจมของศพ รวมไปถึงระบุสภาพน้ำ และสภาพแวดล้อมข้างใต้ทะเลได้ ทีมนักวิจัยคาดว่าผลการทดลองนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักประดาน้ำ ที่ออกค้นหาศพที่จมลงอยู่ใต้น้ำทะเลลึก ซึ่งยังคงเป็นสถานที่ที่อันตรายและเข้าถึงยากสำหรับมนุษย์
loading...
edit : http://www.khaoup.com/