
คนผิวเผือกซึ่งขาดเม็ดสีในผิวหนังเผชิญหน้ากับการโจมตีเข่นฆ่าบ่อยครั้งขึ้นเพื่อเอาชิ้นส่วนศพของพวกเขาไปประกอบพิธีทางไสยศาสตร์ซึ่งบรรดาพ่อมดหมอผีเชื่อกันว่าจะนำความโชคดีและความเจริญรุ่งเรืองมาให้แต่ประธานาธิบดีคิเควเตกล่าวว่าความเชื่อเช่นนี้เป็นความเชื่อที่ผิดและจุดชนวนให้เกิด“ความชั่วช้า” ที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ขณะที่องค์กรสังคมคนผิวเผือกแทนซาเนียหรือทีเอเอสมีแผนจัดการเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลในกรุงดาร์เอสซาลาม เมื่อวันจันทร์(3 มี.ค.)เพื่อยื่นหนังสือต่อประธานาธิบดีคิเควเตแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามการชุมนุมดังกล่าวโดยอ้างเหตุผลด้านความปลอดภัยส่วนประธานาธิบดีกล่าวว่าเขาพร้อมที่จะพบกับบรรดาผู้นำคนผิวเผือกและกลุ่มนักรณรงค์ในช่วงบ่ายวันเดียวกันเพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหาการฆาตกรรมโหดดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่แล้วทารกผิวเผือก ถูกพบเป็นศพแขนขาถูกตัดขาดและเด็กหญิงผิวเผือกสูญหายไปตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
สหประชาชาติหรือยูเอ็น เตือนเมื่อปีที่แล้วว่าการโจมตีคนผิวเผือกหลายครั้งกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนการเลือกตั้งในปลายปีนี้เนื่องจากบรรดานักการเมืองหันหน้าพึ่งไสยศาสตร์จากบรรดาจอมขมังเวทย์พ่อมดหมอผีทั้งหลายเพื่ออำนวยอวยพรให้พวกเขาโชคดีในการเลือกตั้ง
“มันเป็นความเชื่อที่ผิดอย่างมหันต์ที่ว่าหากใครมีชิ้นส่วนศพของคนผิวเผือกแล้วจะทำให้ธุรกิจการประมงและการทำเหมืองแร่ประสบความสำเร็จมีความเจริญรุ่งเรืองมั่งคั่งร่ำรวยเพราะนี่เป็นความเชื่อที่ก่อให้เกิดการกระทำที่ชั่วช้าเลวทราม”รอยเตอร์อ้างคำกล่าวของประธานาธิบดีคิเควเตที่กล่าวปราศรัยถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติประจำเดือนของเขา
ผู้นำแทนซาเนียกล่าวว่ารัฐบาลจะยังคงเดินหน้าใช้ความพยายามในการยุติการโจมตีเนื่องจากคนผิวเผือกไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัว
ที่มา : http://www.dailynews.co.th/