นักวิชาการจีนชี้ นักท่องเที่ยวที่นำสุนัขและแมวเข้าไปในศูนย์เพาะพันธุ์แพนด้าในส่านซี อาจเป็นต้นเหตุแพร่กระจายเชื้อโรคไข้หัดสุนัขที่ทำให้มีแพนด้ายักษ์เสียชีวิต 4 ตัวตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว

เว็บไซต์ข่าว ไชน่า เดลี รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ว่า ดร.โหว หรง ผู้อำนวยการศูนย์เพาะพันธุ์และวิจัยแพนด้ายักษ์เฉิงตูในมณฑลเสฉวน กล่าวต่อที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนว่า สัตว์เลี้ยงที่นักท่องเที่ยวลักลอบซุกซ่อนใส่กระเป๋าเข้าไปในส่วนดูแลแพนด้า ที่ศูนย์วิจัยเพาะพันธุ์และช่วยเหลือสัตว์ป่าหายากในเมืองซีอาน มณฑลส่านซี อาจเป็นพาหะนำเชื้อโรคไข้หัดสุนัข ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของแพนด้ายักษ์ 4 ตัว ตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปีที่แล้วจนถึงเมื่อต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ขณะที่มีแพนด้ายักษ์อีก 4 ตัวแสดงอาการป่วยเช่นเดียวกัน ซึ่งการติดเชื้อจำกัดวงอยู่แค่เพียงที่ศูนย์แห่งนี้เท่านั้น ทั้งนี้ โรคไข้หัดสุนัขเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายในหมู่สัตว์จำพวกสุนัขและแมว โดยมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 80

ดร.หรง เผยว่าการนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปยังจุดชมแพนด้าเป็นเรื่องต้องห้ามและมีป้ายเตือนอยู่เป็นระยะ แต่นักท่องเที่ยวก็ยังละเลยไม่ให้ความสำคัญ เธอจึงเสนอให้มีการออกกฎหมายควบคุมดูแลพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว ในวาระการประชุมเพื่อแก้ไขกฎหมายอนุรักษ์สัตว์ป่า โดยยกตัวอย่างถึงกรณีของยีราฟในสวนสัตว์เมืองนานจิงในมณฑลเจียงซู ที่มีอาการป่วยทางประสาทเนื่องจากถูกรบกวนด้วยเสียงเพลงจากนักท่องเที่ยว ที่นำเข้ามาเปิดเสียงดังเพื่อเต้นรำ รวมถึงการที่ลิงจำนวนมากเสียชีวิตจากการรับประทานอาหารมากเกิน เนื่องจากนักท่องเที่ยวละเมิดกฎห้ามให้อาหารสัตว์

ดร.หรง ยังกล่าวอีกว่า หากไม่มีกฎหมาย ก็ไม่มีอำนาจมากพอที่จะยับยั้งพฤติกรรมทารุณสัตว์เหล่านั้น เช่นในกรณีของ หลิว ไห่หยาง นักศึกษามหาวิทยาลัยชิงหัว ที่ก่อเหตุสาดน้ำกรดใส่หมีในสวนสัตว์ปักกิ่งเมื่อปี 2545 ทำให้สัตว์เกิดแผลไหม้รุนแรงที่ผิวหนัง โดยเขาถูกตั้งข้อหาเพียงทำลายทรัพย์สินสาธารณะและได้รับการปล่อยตัวไปโดยไม่ถูกลงโทษ เนื่องจากศาลมองว่าเป็นแค่ความผิดลหุโทษ.


ที่มา: http://www.dailynews.co.th/