สคบ. ร่วมกับศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็กลงพื้นที่ตรวจสอบแหล่งจำหน่ายปืนอัดลมตามห้างร้านในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อสุ่มเก็บตัวอย่างสินค้าจำนวน 27 รายการมาทดสอบและพิสูจน์ถึงความเป็นอันตรายพบว่า มีปืนอัดลมที่ไม่ผ่านการทดสอบจำนวน 25 รายการ คิดเป็นร้อยละ 92.5 ที่ลูกกระสุนมีความเร็วมากกว่า 30 เมตร/วินาที ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายมาก
ค่ามาตรฐานความปลอดภัยของปืนอัดลมทั้งชนิดสั้นและยาวเมื่อผ่านการทดสอบแล้วลูกกระสุนจะต้องมีพลังงานจลน์ไม่เกิน 0.08 จูล และลูกกระสุนอ่อนต้องมีพลังงานจลน์ไม่เกินไปกว่า 0.5 จูล แต่ผลการทดสอบความแรงของปืนดังกล่าวกลับค่าความแรงเกินกว่ามาตรฐานถึง 5 เท่า และหากมีการใช้สายตาจ้องลำแสงเลเซอร์อาจส่งผลให้จอประสาทตาไหม้ได้
นอกจากนี้ผู้ประกอบธุรกิจบางรายมีการปลอมแปลงเครื่องหมายมาตรฐานบังคับประเภทของเล่นไว้บนฉลากสินค้าด้วยซึ่งเครื่องหมายดังกล่าว ยังไม่ได้รับอนุญาตจากสำนัก งานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ให้มีการแสดงไว้บนฉลากสินค้าแต่อย่างใด
ดังนั้น สคบ. จึงได้ออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลากฉบับที่ 32 (พ.ศ. 2554) เรื่องให้ปืนอัดลมเบาที่จำลองเลียนแบบอาวุธปืนจริงเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องระบุความเร็วของวิถีลูกกระสุน ความแรงของวิถีลูกกระสุน หากปืนอัดลมเบาสามารถติดตั้งเลเซอร์ต้องระบุความ ยาวคลื่นของแสงเลเซอร์ กำลังของแสงเลเซอร์ต้องมีการระบุข้อห้ามใช้ว่าห้ามจ้องแสงเลเซอร์ โดยตัวอักษรทั้ง หมดต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่า 2 มิลลิเมตรรวมถึงคำเตือนต้องระบุว่า “การเล็งหรือยิงเข้าหากันอาจทำให้ตาบอดหรือร่างกายได้รับบาดเจ็บ” ต้องมีขนาดตัวอักษรไม่ต่ำกว่า 3 มิลลิเมตรสีของข้อความต้องตัดกับสีพื้นด้วย
อย่างไรก็ตาม สคบ.หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพ่อแม่ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำแก่บุตรหลานถึงความเป็นอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการเล่นปืนอัดลม ในขณะที่ผู้ขายเองต้องไม่ขายปืนอัดลมดังกล่าวให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน.
ที่มา : http://www.dailynews.co.th/
